บทสรุปประเภทของ Verb

Verb คือ กริยาแบ่งออกเป็นแบบต่างๆ

1. Verb Transitive (Vt) สกรรมกริยา คือ กริยาต้องการกรรมมารับเพื่อให้ความหมายสมบูรณ์

2. Verb Intransitive (Vi) อกรรมกริยา คือ กริยาไม่ต้องการกรรมมารับ มีความหมายสมบูรณ์ในตัวเอง

Verb Transitive
Verb Intransitive
See
เห็น, ดู
Go
ไป
Hear
ได้ยิน, ฟัง
Come
มา
Eat
กิน
Walk
เดิน
Drink
ดื่ม
Stand
ยืน
Learn
เรียน
Lie
นอน
Live
อาศัย

ตัวอย่างประโยคมีและไม่มีกรรมมารับ

ประธาน
(Subject)
กริยา
(Verb)
กรรม
(Object)
กริยาวิเศษณ์วลี
(Adverbial)
I
Wrote
The letter
In the classroom
She
Came
—————
Here
He
Phoned
Me
In the evening
They
Worked
————–
Last week

2. Verb แบ่งตามฟอร์มหรือแบบ

1. Regular Form กริยารูปปกติ เมื่อเป็นอดีตเติม –ed ตามปกติ

2. Irregular Form กริยามีรูปอปกติ เมื่อเป็นอดีตไม่เติม –ed แต่มีการเปลี่ยนรูปหรือคงรูปไว้อย่างเดิม

Regular Form เติม ed

Present
Past
Past Participle
Mean
Walk
Walked
Walked
เดิน
Like
Liked
Liked
ชอบ
Stop
Stopped
Stopped
หยุด
Cry
Cried
Cried
ร้องไห้
Laugh
Laughed
Laughed
หัวเราะ

Irregular Form ไม่เติม ed

Present
Past
Past Participle
Mean
Bring
Brought
Brought
นำมา
Take
Took
Taken
นำไป
Eat
Ate
Eaten
กิน
Drink
Drank
Drunk
ดื่ม
Hit
Hit
Hit
ตี, ต่อย
Let
Let
Let
อนุญาต

3. Verb แบ่งตามความเคลื่อนไหว

1. Dynamic Verb กริยาว่าด้วยการเคลื่อนไหว กริยาประเภทเติม –ing ได้

2. Stative Verb กริยาว่าด้วยการคงที่ กริยาประเภทนี้เติม –ing ไม่ได้

2.1 Dynamic Verb กริยาที่เติม –ing ได้ มี 5 ชนิด

2.1.1 Activity Verb กริยาว่าด้วยกิจกรรม เช่น

Ask
ถาม
Eat
กิน
Look at
มองดู
Beg
ขอ
Listen
ฟัง
Read
อ่าน
Call
เรียก
Rain
ฝนตก
Throw
ขว้าง
Drink
ดื่ม
Slice
ตัด
Write
เขียน
Work
ทำงาน
Help
ช่วยเหลือ
Play
เล่น
Say
พูด
Whisper
กระซิบ
Learn
เรียน

2.1.2 Process Verb กริยาว่าด้วยการเปลี่ยนแปลง

Change
เปลี่ยนแปลง
Mature
ทำให้สุก
Deteriorate
ทำให้เสีย
Show down
ลดลง
Grow
เจริญเติบโต
Widen
ทำให้กว้าง
        2.1.3 Verb of Bodily Sensation กริยาว่าด้วยความรู้สึกทางร่างกาย

อาจเติมหรือไม่เติม ing ก็ได้ เช่น

Ache
ปวด
Feel
รู้สึก
Hurt
บาดเจ็บ
Itch
คัน

       2.1.4 Transitional Event Verbs กริยาว่าด้วยเหตุการณ์หนึ่งเปลี่ยนไปสู่เหตุการณ์อื่น
Arrive
เดินทาง
Land
ลงสู่พื้นดิน
Die
ตาย
Leave
จากไป
Fall
ตก
Lose
สูญ, หาย

         2.1.5 Momentary Verb กริยาว่าด้วยการใช้เวลาเพียงชั่วขณะ
Hit
ตี
Nod
พยักหน้า
Jump
กระโดด
Top
สูงกว่า
Knock
เคาะ
Applaud
ปรบมือ

2. Stative Verb กริยาที่ไม่เติม –ing มีสองแบบ

1. Verbs of Inner Perception กริยาว่าด้วยการรับความรู้สึกทางจิตใจ

Abhor
ขยะแขยง
Forgive
ยกโทษ
Adore
ยกย่องบูชา
Guess
เดา, ทาย
Astonish
ทำให้พิศวง
Hate
เกลียด, ชัง
Desire
ต้องการ
Intend
ตั้งใจ
Dislike
ไม่ชอบ
Know
รู้
Feel
รู้สึก
Like
ชอบ
Mean
ตั้งใจ
Love
รัก
Mind
รังเกียจ
Regard
พิจารณา, เอาใจใส่
Perceive
แลเห็น
Remember
ระลึก, จำ
Please
ยินดี
Satisfy
ประทับใจ
Prefer
ชอบมากกว่า
See
เห็น
Presuppose
คาดคะเนล่วงหน้า
Smell
ดมกลิ่น
Realize
ตระหนัก
Suppose
สมมุติ
Recall
เรียกกลับ
Taste
ชิมรส
Recognize
จำได้
Think
คิด
Want
ต้องการ

2. Relational Verbs กริยา
Apply to
ประยุกต์ใช้
Include
รวมทั้ง
Be
เป็น อยู่ คือ
Involve
พัวพัน
Belong to
เป็นของ
Lack
ขาด
Concern
เกี่ยวข้อง
Matter
มีความสำคัญ
Consist of
ประกอบด้วย
Need
ต้องการ
Contain
มี, บรรจุ
Owe
เป็นหนี้
Cost
มีค่า
Own
เป็นเจ้าของ
Depend on
อาศัย
Possess
เป็นเจ้าของ
Deserve
สมควร
Remain
คงเหลือ
Equal
เท่าเทียมกัน
Require
ต้องการ
Fit
พอเหมาะ
Seem
ดูเหมือน
Have
มี
Suffice
เพียงพอ
   
วิธีสังเกตง่ายๆ กริยาตัวใดเติม –ing ได้หรือไม่ จงตรวจดูในพจนานุกรมภาษาอังกฤษ กริยาตัวใดเติม –ing ไม่ได้ เมื่อต้องการจะผันกริยาให้เป็นนาม พจนานุกรมได้แสดงคำนามไว้ เช่น think “คิด” เป็นกริยา จะมีคำว่า thought “ความคิด” เป็นนาม แสดงว่า think เติม –ing ไม่ได้ ถ้ากริยาตัวใดเติม –ing ได้ พจนานุกรมไม่แสดงคำนามไว้ เมื่อเป็นเช่นนี้เราสามารถเติม –ing ให้กับกริยา เพื่อนำไปใช้เป็นคุณศัพท์ หรือนำไปใช้ในประโยคที่กำลังกระทำอยู่ (Progressive Tense หรือ Continuous Tense) ได้เลย

4. Verb แบ่งตามหน้าที่ (Function) มี 2 ชนิด

1. Auxiliary กริยาช่วย มี 2 ประเภท

1.1 Tense Auxiliary กริยาช่วยที่มีกาล ไม่มีความหมายในภาษาไทย มีดังนี้

กริยาช่วย be ประกอบด้วย is/am/are/was/were

ใช้กับกริยาที่เติม ing ในประโยค Continuous Tense เช่น

She is eating fruit.

เธอกำลังทานมะม่วง

ใช้กับประโยคกรรมวาจก (passive Voice)

This house is built by John.

บ้านหลังนี้สร้างขึ้นโดยจอห์น

กริยาช่วย have ประกอบด้วย have/has/had

ใช้กับประโยคที่มีกาลสมบูรณ์ (perfect Tense)

John has learnt Thai since 1990.

จอห์นเรียนภาษาไทย ตั้งแต่ ค.ศ. 1990

กริยาช่วย do ประกอบด้วย do/does/did ใช้กับประโยคปฏิเสธและคำถาม

ประโยคปฏิเสธปัจจุบัน
I don’t like your new car.
ฉันไม่ชอบรถคันใหม่ของคุณ
ประโยคคำถามปัจจุบัน
Do you have any money?
คุณมีเงินบ้างไหม
ประโยคคำถามอดีต
Did she go to see movies last night?
เมื่อคืนที่แล้วเธอไปดูหนังหรือ

1.2 Modal Auxiliaries กริยาว่าด้วยการแสดงอารมณ์ (Mood) หลากหลาย กริยาช่วยประเภทนี้ สามารถแปลความหมายได้ แม้จะมีรูปเป็นอดีตแต่ไม่นิยมใช้ในเรื่องที่เป็นอดีต มักใช้กับเรื่องที่เป็นปัจจุบันหรืออนาคต
Present
Past
Mean
Shall
Should
จะ, ควร
Will
Would
จะ, เคย
Can
Could
สามารถ
Must
Had to
ต้อง
Has to
ต้อง
Have to
ต้อง
May
Might
อาจ, เป็นไปได้

2. Main Vebs กริยาหลัก ถือว่าเป็นกริยาสำคัญในประโยค จะตามหลังกริยาช่วยเสมอ

โปรดสังเกตตัวอย่างการใช้ตามตาราง

Subject
Auxiliary
Tense
Auiliary
Modal
Main Verb
Preposition
Object
John
Is
Travelling
To
Japan.
The carpenter
Can
Build
The house.
She
Must
Wait
For
You.
He
May
Walk
Past
The station.
They
Are
Living
In
The city.
   อนึ่ง กริยา Verb to be อันประกอบด้วย is/am/are/was/were และกริยา Verb to have อันประกอบด้วย has/have/had สามรถเป็น กริยาหลังกได้
Subject
Auxiliary
Tense
Auxiliary
Modal
Main Verb
Complement
Mary
Will
Be
A clerk.
Brown
Is
Being
A nuisance.
Tom
May
Have
A car.
That man
Was
A former minister.

5. Verb แบ่งตามความเป็นจริง

1. Finite Verb กริยาแท้ คือ กริยาหลักในประโยคนั่นเอง อาจเปลี่ยนรูปไปตามประธาน และเปลี่ยนไปตามกาล (Tense)

2. Non-finite Verb กริยาไม่แท้ เป็นกริยาที่มีรูปไม่สมบูรณ์ มันทำหน้าที่อย่างอื่นมากกว่าที่หน้าที่เป็นกริยา

ตัวอย่างประโยค

1. I sit watching television every Sunday.

2. He sits watching television every Sunday.

3. She sat watching television last Sunday.

4. They will sit watching television next Sunday.

Sit เป็น Finite Verb หรือกริยาแท้ ต้องเปลี่ยนไปตามประธานและกาลดังนี้

1. sit ไม่เติม s เพราะประธานเป็นบุรุษที่หนึ่ง

2. sits เติม s เพราะประธานเป็นบุรุษที่สามเอกพจน์

3. sit เปลี่ยนเป็น sat เพราะประโยคเป็นอดีตกาล

4. sit คงรูปเดิมเพราะตามหลังกริยาช่วย

Watching เป็น Non-finite Verb หรือกริยาไม่แท้

2. Non-finite Verb มี 3 ประเภทดังนี้

1. Infinite กริยามี to นำหน้า เช่น to do, to have, to be, to go

2. Participle เติม –ing เช่น calling, doing, having, being

3. Participle เติม –ed หรือ Participle ช่องที่สาม เช่น Called, walked, liked, gone, broken

ข้อเปรียบเทียบระหว่างกริยาแท้และไม่แท้

Finite Verb (กริยาแท้)
Non-finite Verb (กริยาไม่แท้)
1. He drinks heavily.
เขาดื่มอย่างหนัก
To drink like that must be dangerous.
การดื่มอย่างนั้น ต้องมีอันตราย
2 John is working hard.
จอห์นกำลังทำงานอย่างขยัน
I found John working hard.
ฉันพบจอห์นกำลังทำงานอย่างขยัน
3. After she had finished her education, She got a job.
หลังจากที่เธอสำเร็จการศึกษา เธอได้งานทำ
After having finished her education, she got a job.
หลังจากที่เธอสำเร็จการศึกษาเธอได้งานทำ

1. ในประโยคแรก drinks ทำหน้าที่เป็นกริยาแท้ ในประโยคที่สอง to drink มาจาก infinitive กริยามี to นำหน้า ทำหน้าที่เป็นประธานของประโยค

2. ในประโยคแรก Working ทำหน้าที่เป็นกริยาหลัก ในประโยคที่สอง working มาจาก Participle กริยาเติม –ing ทำหน้าที่เป็นคุณศัพท์ (Adjective) ขยาย John

3. ในประโยคแรก finished ทำหน้าที่เป็นกริยาหลัก ในประโยคที่สอง finished มาจาก Participle กริยาเติม ed หรือ กริยาช่องที่สาม ทำหน้าที่เป็นกริยาวิเศษณ์ขยายประโยคหลังทั้งประโยค