ถาม : Sentence คืออะไร?
ตอบ : Sentence แปลว่า “ประโยค” หมายถึง “คำหรือกลุ่มคำที่พูดหรือเขียนออกไปแล้วมีความสมบูรณ์ เนื้อความชัดเจน ฟังเข้าใจได้” ดังนั้นเมื่อพูดถึงประโยค (Sentence) ก็ต้องกล่าวถึงส่วนประกอบของประโยคด้วย เพราะประโยคนั้นจะมีใจความสมบูรณ์หรือชัดเจนขึ้นต้องอาศัยส่วนประกอบเข้ามาช่วย หากไม่แล้วก็จะเป็นประโยคขึ้นมาไม่ได้ เพราะฉะนั้นส่วนประกอบของประโยคหนึ่งๆ ก็แยกได้ดังรูปแบบต่อไปนี้ :-
รูปแบบที่ 1 : ภาคประธาน (Subject) + ภาคขยาย (Predicate)
Subject
|
Verb
|
Birds
|
Fly. นกบิน
|
Tim and Tom
|
Are good students.
|
ทิมและทอม
|
เป็นนักศึกษาที่ดี
|
They
|
Have not been here long time.
|
พวกเขา
|
ไม่ได้อยู่ที่นี่นานแล้ว
|
The door in his room
|
Is broken.
|
ประตูในห้องของเขา
|
หัก
|
อนึ่ง ประโยคอาจมีเฉพาะแต่ภาคขยายหรือส่วนของกริยาก็ได้ โดยละภาคประธานเอาไว้ในฐานที่เข้าใจกันแล้ว (ส่วนมากนิยมใช้กับประโยคคำสั่ง) เช่น
(You) Sit down, please.
กรุณานั่งลงได้
(You) Don’t smoke in the bus.
ห้ามสูบบุหรี่บนรถประจำทาง
รูปแบบที่ 2 : ภาคประธาน (Subject) + ภาคขยาย
นั่นคือ Subject + Verb + Object เช่น
The poor need food and clothes.
คนยากจน ต้องการอาหารและเสื้อผ้า
We want to see the President.
พวกเรา ต้องการพบประธานาธิบดี
รูปแบบที่ 3 : ภาคประธาน + ภาคขยาย
นั่นคือ Subject + Verb + Object + Complement.
I saw him reading a book.
ฉัน เห็นเขากำลังอ่านหนังสืออยู่
The policeman shot the thief running into the house.
ตำรวจ ยิงผู้ร้ายที่กำลังวิ่งเข้าไปภายในบ้าน
His father made him happy.
คุณพ่อของเขา ทำให้เขามีความสุข
ถาม : เมื่อประโยคต้องประกอบด้วยประธานและกริยาตลอดไปเช่นนี้ ขอถามว่า คำอะไรบ้างที่จะมาเป็นประธานในประโยคได้ ?
ตอบ : ตามธรรมดาทั่วไปแล้วคำที่จะมาเป็นประธาน (Subject) ในประโยคได้นั้น ได้แก่คำ 7 จำพวกดังต่อไปนี้
1. Noun ทุกชนิด เช่น
That bird flies high. นกตัวนั้นบินสูง
The fire has been out for a long time. ไฟได้ดับไปนานแล้ว
A car must be insured. รถยนต์จะต้องทำประกันภัยไว้
2. Pronoun ทุกบุรุษ เช่น
I am the first student to go to school.
ฉันเป็นนักศึกษาคนแรกที่ไปโรงเรียน
You should do it by yourself.
ท่านควรจะทำมันด้วยตัวเอง
They worked with this company two years ago.
พวกเขาได้ทำงานอยู่กับบริษัทนี้เมื่อ 2 ปีมาแล้ว
3. Adjective (คุณศัพท์) ที่นำมาใช้อย่างนาม ทำหน้าที่เป็น Subject ในประโยคได้ เช่น
The brave should be praised.
ผู้กล้าหาญทั้งหลายควรจะได้รับการยกย่อง
The poor are very happy to win the lottery.
พวกคนยากจนมีความสุขที่ถูกล็อตเตอรี่
หมายเหตุ : Adjective ที่นำมาใช้อย่างนามต้องมี the นำหน้าตลอดไป และถือเป็นพหูพจน์ด้วย ดังนั้น Verb จึงใช้รูปพหูพจน์
4. Infinitive (กริยาสภาวะมาลา ได้แก่ To + Verb 1) เช่น To walk, To give, To read etc. นำมาใช้ทำหน้าที่เป็น Subject ในประโยคได้ เช่น
To walk in the morning is good for health.
การเดินในตอนเช้าทำให้สุขภาพดี
To give hospitality to a neighbor is what I want.
การให้ความเป็นมิตรแก่เพื่อนบ้านเป็นสิ่งที่ผมต้องการ
5. Gerund (กริยานาม หรือ Verbal noun ได้แก่ Verb 1 เติม ing) เช่น Reading, Drinking, Walking etc. นำมาใช้ทำหน้าที่เป็น Subject ในประโยคได้ เช่น
Reading makes a full man.
การอ่านทำให้คนเป็นคนอย่างสมบูรณ์ได้ (Bacon กล่าว)
Drinking much whisky is bad for health.
การดื่มสุรามากทำให้สุขภาพไม่ดี
Walking is a good exercise.
การเดินเป็นการออกกำลังกายที่ดี
(Reading, Drinking และ Walking เป็น Subject ในประโยคทั้ง 3)
6. Phase (วลีทุกชนิด) นำมาใช้ทำหน้าที่เป็น Subject ในประโยคได้ เช่น
What to say is not heard. พูดอะไรนะไม่ได้ยินเลย
How to boil water is easy. วิธีต้มน้ำเป็นของง่าย
(what to say และ how to boil water เป็น Subject ในประโยคทั้ง 2)
7. Clause (ประโยค) นำมาใช้ทำหน้าที่เป็น Subject ในประโยคได้ เช่น
What she is doing seems very difficult.
สิ่งที่หล่อนกำลังทำอยู่ดูเหมือนยากมาก
Where they slept last night is not known.
พวกเขานอนหลับอยู่ที่ไหนคืนที่ผ่านมาไม่มีใครรู้ได้
(What she is doing และ Where they slept last night เป็น Subject ในประโยคทั้ง 2)