เรียนภาษาอังกฤษ เรื่อง หลักเกณฑ์การใช้ A, An นำหน้านาม

ถาม : A, An, เมื่อนำมาพูดหรือเขียนมีหลักเกณฑ์การใช้อย่างไร ขอให้อธิบายมาอย่างละเอียดพร้อมให้ตัวอย่างด้วย

ตอบ : A, An, เมื่อนำมาพูดหรือเขียนมีหลักเกณฑ์การใช้ดังต่อไปนี้คือ

1. ให้ใช้ a นำหน้านามที่เป็นเอกพจน์, นับได้, ขึ้นต้นด้วยพยัญชนะ และนามนั้นต้องมีความหมายทั่วไปด้วย เช่น

A table, a week, a boy, a country, a pen, a dog, a key, a teacher, a student, etc.

เช่น I bought a pen yesterday.

เมื่อวานนี้ฉันซื้อปากกาหนึ่งด้าม

There was a student learning English in school.

มีนักศึกษาคนหนึ่งกำลังเรียนภาษาอังกฤษอยู่ที่โรงเรียน

(ใช้ a นำหน้า pen และ student เพราะเป็นการกล่าวถึงปากกาด้ามใดด้ามหนึ่งก็ได้ที่ซื้อมาเมื่อวานนี้ และนักศึกษาคนใดคนหนึ่งที่เรียนภาษาอังกฤษอยู่ที่โรงเรียน จะเป็นลูกท่านหลานใครก็ได้)

2. ให้ใช้ a นำหน้านามที่ขึ้นต้นด้วยสระแต่อ่านออกเสียงเป็นพยัญชนะ หรือ นามที่ขึ้นต้นด้วยสระแต่มี Adjective ขึ้นต้นด้วยพยัญชนะมาประกอบอยู่ข้างหน้า เช่น

A university, a blue eye, a European,

A big umbrella, a uniform, เช่น

Marisa has a big umbrella in her hand.

มาริสามีร่มคันใหญ่อยู่ในมือของเธอ

David is a European living in Thailand.

เดวิดเป็นชาวยุโรปที่มาอาศัยอยู่ในประเทศไทย

3. ให้ใช้ an นำหน้านามที่ขึ้นต้นด้วยสระหรือนามที่ขึ้นต้นด้วยพยัญชนะแต่อ่านออกเสียงเป็นสระ และนามดังกล่าวนี้ต้องเป็นเอกพจน์ นับได้ มีความหมายทั่วไปด้วย เช่น

An orange, an elephant, an umbrella, an hour, an honorable guest, an ear, etc. e.g.

She ate an orange after her lunch.

หล่อนทานส้มหนึ่งผลหลังจากทานอาหารกลางวัน

Pramote is an honourable guest in the party.

ปราโมทย์เป็นแขกผู้มีเกียรติในงานเลี้ยง

4. ให้ใช้ an นำหน้านามเอกพจน์ นับได้ มีความหมายทั่วไป และขึ้นต้นด้วยพยัญชนะแต่มี Adjective ที่ขึ้นต้นด้วยสระมาประกอบอยู่ข้างหน้า เช่น

An important man, an interesting story, an able man, an impolite dress, etc. เช่น
He is an important man to visit me.

เขาเป็นคนที่สำคัญที่ได้มาเยี่ยมผม

An interesting story was told by my grandfather.

นิทานที่น่าสนใจปู่ฉันเป็นคนเล่าให้ฟัง

5. ให้ใช้ a, an, นำหน้านามที่เป็นตัวแทนของพวกหรือชนิดเดียวกันได้ เช่น

A dog is a faithful animal สุนัขเป็นสัตว์ที่กตัญญูกตเวที

A cow has four legs. วัวมี 4ขา

A country needs leaders. ประเทศต้องการผู้นำ

An old man always walks slowly. คนชรามักเดินช้า

(การที่ต้องใช้ a นำหน้า dog ในประโยคที่ยกมาที่นี้ก็เพราะว่า ขึ้นชื่อว่าสุนัขแล้วก็ย่อมเป็นสัตว์รู้จักบุญคุณผู้เลี้ยงจึงเป็นตัวแทนของชนิดเดียวว่าตัวอื่นๆ ก็เป็นสัตว์รู้จักบุญคุณผู้เลี้ยงเช่นกัน จึงมีความหมายในทำนองว่า All dogs are faithful animals แม้ a cow, a country, และ an old man ก็มีคติเช่นเดียวกันนี้)

หมายเหตุ : รูปพหูพจน์ของนามตามความหมายนี้ไม่ต้องใช้ a, an, the อะไรทั้งนั้นนำหน้า เช่น Dogs are faithful animals.

6. ให้ใช้ a, an นำหน้านามที่กล่าวถึงอาชีพหรือสัญชาติตลอดไป เช่น My father works in a hospital. He is a doctor.

คุณพ่อของฉันทำงานที่โรงพยาบาล เขาเป็นหมอ

Somsri is an actress. You are a teacher.

สมศรีเป็นนักแสดงละคร ท่านเป็นครู

I am a Thai. ฉันเป็นคนไทย

John is an American. จอห์นเป็นคนอเมริกัน

(Doctor, Actress, Thai, American และ Teacher บอกถึงอาชีพและสัญชาติตามลำดับ ฉะนั้น จึงใช้ a, an นำหน้าได้)

7. ให้ใช้ a, an นำหน้านามที่เป็นสำนวนเกี่ยวกับการใช้นับจำนวน เช่น
a dozen หนึ่งโหล

Half a dozen ครึ่งโหล

A hundred หนึ่งร้อย

A thousand หนึ่งพัน

A million หนึ่งล้าน

A lot of จำนวนมาก

A great deal of จำนวนมาก

A large number of จำนวนมาก

e.g. I bought a dozen of soap yesterday.

ฉันซื้อสบู่มาหนึ่งโหล เมื่อวานนี้

8. ให้ใช้ a, an นำหน้านามที่บอกถึงราคา, อัตราส่วน, ความเร็ว, น้ำหนัก, และเวลา เช่น
a shilling a dozen โหลละหนึ่งชิลลิ่ง

£ 3 a yard หลาละ 3 ปอนด์

Twice a day วันละ 2 ครั้ง

Sixty miles an hour 60 ไมล์ต่อหนึ่งชั่วโมง

Five dollars a pair คู่ละ 5 เหรียญ

e.g. Thai cloth is £3 a yard. ผ้าชิ้นนี้หลาละ 3 ปอนด์

My car is running 60 miles an hour.

รถยนต์ของผมวิ่งได้ 60 ไมล์ต่อ 1 ช.ม.

9. ให้ใช้ a, an นำหน้านามที่เป็นสำนวนในประโยคอุทาน เช่น

What a pretty girl she is! หล่อนช่างสวยจริงๆ

What an opportunity he missed! เขาพลาดโอกาสอย่างน่าเสียดาย

What a hot day it is! มันเป็นวันที่ร้อนเสียจริงๆ

10. ให้ใช้ a, an นำหน้านามที่เป็นชื่อเฉพาะอันเป็นที่รู้จักกันดีแล้ว นำมาเทียบเคียงกับคนที่เราหมายถึง เพราะเห็นว่ามีคุณสมบัติอุปนิสัยหรือความสามารถคล้ายกัน เช่น

Somsak is a Soontorn Poo in our school.

สมศักดิ์เป็นสุนทรภู่คนหนึ่งในโรงเรียนของเรา

(สมศักดิ์คงเป็นนักแต่งกลอนเก่งคนหนึ่งในโรงเรียน เพื่อนๆ เลยเรียกสมญานามใหม่ว่า เป็นสุนทรภู่ในโรงเรียนอะไรทำนองนี้)

He is a Hitler. เขาเป็นคนโหดร้ายเหมือนฮิตเล่อร์

11. ให้ใช้ a, an, นำหน้านามที่มาเรียงตามหลัง quite, hardly, scarcely, rather, เช่น
Montree is quite a fool. มนตรีเป็นคนโง่เสียจริงๆ

There is hardly a second to lose. อย่าให้พลาดทีเดียวน่ะ

(ความหมายว่าแทบจะไม่มีเวลาเป็นครั้งที่ 2 อีกแล้วที่จะพลาดเล็งให้แม่น)

There is scarcely a pinch left. แทบจะไม่มีเวลาเหลือเลย

He is rather a lazy man. เขาเป็นคนขี้เกียจเอาแท้ๆ

12. ให้ใช้ a, an นำหน้านามเอกพจน์ที่มาเรียงตามหลัง many เพื่อเน้นถึงคุณภาพสำหรับสิ่งนั้นๆ เช่น

Many a boy could pass entrance examination.
เด็กเป็นจำนวนมากสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้

ข้อยกเว้น : ถ้าหลัง many เป็นนามพหูพจน์ไม่ต้องใช้ a, an, the นำหน้า เช่น

Many tourists visit Thailand this year.

ปีนี้นักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากมาเที่ยวประเทศไทย

13. ให้ใช้ a, an, นำหน้านามเอกพจน์ที่อยู่หลังคำคุณศัพท์ ที่มีคำวิเศษณ์ how, so, as, too, นำหน้า เช่น
How diligent a man he is! เขาเป็นคนขยันเสียจริงๆ

Kitti is so good a student that everyone lies him.

กิตติเป็นนักศึกษาที่ดีจนทุกๆ คนชอบเขา

He is as honest a man as I. เขาเป็นคนซื่อสัตย์เหมือผม

She is as beautiful a girl as Arpasra.

หล่อนเป็นเด็กหญิงที่สวยเช่นกับอาภัสรา

It’s too expensive a car for her.

มันเป็นรถยนต์ที่แพงเกินไปสำหรับหล่อน

It’s too big a shirt for me.

มันเป็นเสื้อตัวใหญ่เกินไปสำหรับผม

14. ให้ใช้ a, an นำหน้านามที่แสดงจำนวนมาก ในกรณีเช่นนี้ a, an ไม่ต้องแปลว่า “หนึ่ง” ได้แก่

A little, a few, a great deal, a good deal, a great many, a great number, a lot of, a large number เช่น

Chai has a great many friends in Italy.

ชายมีเพื่อนมากมายในอิตาลี

I have a little money left.

ฉันพอมีเงินเหลืออยู่บ้างนิดหน่อย

15. ให้ใช้ a, an นำหน้านามเอกพจน์นับได้ซึ่งไปเรียงตามหลังคุณศัพท์โดยมี such อยู่ข้างหน้า ตามสูตรประโยคดังนี้ such + a + adjective + noun e.g.

It is such a hot day he can’t work.

มันเป็นวันที่ร้อนเสียจนเขาทำงานไม่ได้

It is such an interesting movie I can’t stand seeing.

มันเป็นภาพยนตร์ที่น่าสนใจจนผมอดดูไม่ได้

16. ให้ใช้ a, an, นำหน้านามเอกพจน์นับได้ที่ไปทำหน้าที่เป็น Object ของกริยาในรูปปฏิเสธ ซึ่งมีความหมายว่า “ไม่เลยสักอันเดียว” เช่น

When she met me, she did not say a word.

เมื่อเขาพบผมเธอมิได้พูดอะไรสักคำเลย

I haven’t a penny, so I can’t pay.

ผมไม่มีสักเพนนีเลย ดังนั้นจึงจ่ายให้ไม่ได้

This man hasn’t a friend in the town.

ชายคนนี้ไม่มีเพื่อนสักคนเลยในเมือง

17. ให้ใช้ a, an นำหน้านามี่เป็นชื่อเฉพาะ (Proper Noun) ซึ่งเป็นบุคคลที่เราไม่รู้จักมาก่อนเป็นส่วนตัว ตามนัยนี้เมื่อ a, an, นำหน้าแล้วมีความหมายว่า “คนใดคนหนึ่ง” หรือ “ราวกับว่า” เช่น
A Mr. Jones wishes to speak to you.

มีคนชื่อโจนส์อยากพูดกับท่าน

A Mrs. Sumali called while you were out.

มีคนชื่อนางสุมาลีโทรมาตอนท่านไม่อยู่

He thinks he is an Einstein.

เขาคิดว่าเขาเป็นคนฉลาดราวกับไอสไตน์

18. ให้ใช้ a, an นำหน้านามที่เป็นสำนวนเกี่ยวกับความไม่สบายเจ็บไขได้ป่วย เช่น
have a headache ปวดศีรษะ
have a pain ได้รับความเจ็บปวด
have a cough เป็นไอ, มีอาการไอ
have a cold เป็นไข้หวัด
have a toothache ปวดฟัน
have an earache ปวดหู, เจ็บหู

ข้อยกเว้น : แต่ถ้าเจ็บไข้ได้ป่วยเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ไม่ต้องใช้ a, an, the นำหน้า ได้แก่
have influenza เป็นไข้หวัดใหญ่

Have rheumatism เป็นโรคปวดในข้อ

e.g. Today my sister has a headache but I have toothache, so we can’t work.

วันนี้น้องสาวของฉันปวดศีรษะแต่ฉันปวดฟัน ดังนั้นเราจึงไม่สามารถทำงานได้

19. ให้ใช้ a, an นำหน้านามเอกพจน์นับได้ที่กล่าวขึ้นมาเป็นครั้งแรก และให้ใช้ the นำหน้าเมื่อกล่าวขึ้นมาเป็นครั้งที่ 2 ตลอดไป เช่น
A boy and a girl were walking along the street. They were arguing where they should go for their week-end. The boy wanted to go to Chiangmai, but the girl said she liked to see a movie.

เด็กชายและเด็กหญิง(2 คน) กำลังเดินไปตามถนนเขาถกเถียงกันว่าจะไปเที่ยววันสุดสัปดาห์นี้ที่ไหนดีเด็กชายต้องการไปเที่ยวเชียงใหม่ แต่เด็กหญิงพูดว่าเธออยากไปดูภาพยนตร์

20. ให้ใช้ a, an, นำหน้าสำนวนต่อไปนี้ คือ
as a matter of fact อันที่จริงแล้ว

All of a sudden ทันใดนั้น
a long time เป็นเวลายาวนาน
be a pit น่าสงสาร, น่าเสียดาย
be a shame น่าละอาย
be in a good (bad, happy, etc.) mood มีอารมณ์แจ่มใส
have a good time สนุก
have a busy time มีธุระยุ่งมาก
in a hurry รีบร้อน
in a rush เร่งรีบ
do a favour อนุเคราะห์
tell a lie พูดปด
make a living หาเลี้ยงชีพ
take a trip เดินทาง
take a picture ถ่ายรูป
take a look at มองไปที่
make a mistake ทำผิด
make a stand ตั้งมั่น
create a stir ทำให้เกิดความอลวล
have a mind ตั้งใจว่า, คิดว่า

Take a guess ทาย, เดา
in a pinch พยายาม

Have an opportunity มีโอกาส

At a discount ลดราคา

Have a habit มีนิสัย

Take a seat เชิญนั่ง

A question of ปัญหาเกี่ยวกับ…

Keep it a secret เก็บไว้เป็นความลับ

Be at a loss หมดหนทาง

Make it a rule ตั้งเป็นกฎ

On a large scale อย่างมโหฬาร

Be in a position อยู่ในฐานะ

On an average โดยเฉลี่ย

At a premium มีราคาสูง

Keep up a correspondence (จดหมาย) โต้ตอบ

At a distance ในระยะไกล

With a view to เพื่อจะทำให้

With an eye to เพื่อดู, เพื่อทัศนาจร

e.g. He has a habit of asking silly question.

เขามีนิสัยชอบถามคำถามโง่ๆ
it is a pity to leave her here alone.

เป็นการน่าสงสารที่ปล่อยเธอไว้ที่นี่โยลำพัง

I am in a position to know that he will resign shortly.

ผมอยู่ในฐานะที่จะรู้ว่าเขาจะลาออกในเร็วๆ นี้

On an overage more people die from overeating than from starvation.

โดยเฉลี่ยแล้วคนตายด้วยการกินมากเกนไปมีมากกว่าคนตายด้วยการอดอาหาร

They kept up a correspondence with each other for many years.

เขาจดหมายโต้ตอบกันและกันมาหลายปีแล้ว etc.

21. ให้ใช้ a, an นำหน้านามที่มาเป็น Object ของ Verb ต่อไปนี้ ได้แก่
Have a walk เดินเล่น
Have a haircut ตัดผม

Give a speech พูดว่า

Give an answer ตอบรับ

Give a push ช่วยค้น

Go for a drive ไปขับรถ

Come to a decision ตัดสินใจ

Make a stop หยุด

Give a bath อาบน้ำให้

Take a shower อาบน้ำ

Have an idea คิดว่า

Do a favour ช่วยเหลือ

Take a pride in ภูมิใจใน

Take a rest หยุดพัก

Make a change แลกเปลี่ยน

Give an idea ให้ความคิด

Give a kiss จูบ

e.g. Every morning we have a walk after bed.

ทุกๆ เช้าหลังจากตื่นนอนแล้วเราออกไปเดินเล่น

We can have a haircut from the barber.

เราตัดผมได้จากร้านตัดผม

My friend goes for a drive every evening.

เพื่อนของผมออกไปขับรถทุกๆเย็น