เรียนภาษาอังกฤษ เรื่อง Error in Conjunctions (คำเชื่อมที่มักจะใช้ผิดเสมอ) ตอนที่ 2 (ตอนจบ)
Unless : (ถ้า……….ไม่, เสียแต่ว่า…………ไม่) มีความหมายเท่ากับ if……..not เมื่อนำมาเชื่อมจะวางไว้ต้นหรือกลางประโยคก็ได้ เช่น
We shall go unless it rains.
หรือ Unless it rains, we shall go.
พวกเราจะไป ถ้าฝนไม่ตก
หรือ ถ้าฝนไม่ตก พวกเราจะไป
(= We shall go if it does not rain.)
ระวัง ! อย่าใช้ not ในประโยคที่ตามหลัง unless เพราะ unless มีความหมายเป็นปฏิเสธ (Negative) อยู่ในตัวแล้ว เช่น
ผิด : Unless he does not study harder, he will fail in the exam.
ถูก : Unless he studies harder, he will fail in the exam.
ถ้าเขาไม่ได้เรียนอย่างจริงจัง เขาจะสอบตก
but that : (“ถ้า……ไม่” มีความหมายเท่ากับ if……..not) เมื่อนำมาเชื่อมความ จะวางไว้ต้นหรือกลางประโยคก็ได้ และอย่าใช้ not ในประโยคที่ตามหลัง but that เพราะ but that มีความหมายเป็นปฏิเสธอยู่แล้ว เช่น
She would have fallen but that I caught her.
เธอคงจะตกลงไปแล้ว ถ้าผมไม่ได้จับเธอไว้
But that he is in debt, he would enter priesthood.
ถ้าเขาไม่เป็นหนี้ เขาก็คงบวช
จำอีก : “But for + นาม” แปลว่า “ถ้า…….ไม่” เหมือนกับ but that ต่างกันแต่ว่า หลัง but that เป็นประโยค ส่วนหลัง but for เป็นนาม เช่น
But for my help, he should have failed last year.
ถ้าผมไม่ช่วย เขาก็คงสอบตกไปแล้วปีกลายนี้
(=But that I help him, he should have failed last year.)
Inasmuch as : (เพราะ, ด้วยเหตุที่) มีความหมายเท่ากับ Because จะวางไว้ต้นหรือกลางประโยคทั้งสองที่ไปเชื่อมก็ได้ เช่น
He yielded to the invader, Inasmuch as his army was thoroughly defeated.
เขายอมแพ้ต่อผู้มารุกราน (ข้าศึก) เพราะกองทัพของเขาถูกตีอย่างพ่ายแพ้ไป
Inasmuch as he is sick, he had better go to hospital.
เพราะเขาไม่สบาย เขาก็ควรจะไปโรงพยาบาลดีกว่า
Or และ Or else : Or แปลว่า “หรือ” ใช้เชื่อมคำ (Words), วลี (phrases), ประโยค (Clauses) ที่แสดงการเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น
เชื่อมคำ : It is sweet or sour? เปรี้ยวหรือหวาน ?
เชื่อมวลี : Is he at home or in the office?
เชื่อมประโยค : You look after the house or go to work.
คุณเฝ้าบ้านหรือมิฉะนั้นก็ไปทำงาน (เลือกเอา)
ส่วน Or else : (หรือมิฉะนั้น) มีความหมายเท่ากับ Otherwise นิยมใช้เชื่อมประโยค (Clause)
มากกว่าคำหรือวลี เช่น
I must clean it, or else it will be rusty.
ผมจะต้องทำความสะอาด มิฉะนั้นมันจะขึ้นสนิม
They want to study in England, or else (want to study) in America?
พวกเขาต้องการศึกษาในประเทศอังกฤษหรือมิฉะนั้นก็ในอเมริกา
Till และ Until : (จนกระทั่ง, จนกว่า) มีวิธีใช้ดังนี้
Until มักใช้กับประโยค (Clause) ที่ไปนำหน้าอีกประโยคหนึ่ง พูดให้ง่ายก็คือ วางไว้ต้นประโยคใช้ until (มากกว่า till ว่าอย่างงั้นเถอะ) เช่น
Until you told me, I had known nothing about him.
ผมไม่เคยได้รู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลย จนกระทั่งคุณบอกผม (จึงรู้)
Until he returns, I shall wait for him here
ผมจะรอเขาอยู่ที่นี่ จนกระทั่งเขากลับมา
Till นิยมวางไว้กลางประโยคเสียมากกว่า (แต่จะใช้ until ก็ได้) เช่น
He had never written to me till (until) he returned.
Provided และ Providing : (ถ้าหากว่า) คำทั้งสองก็เป็นสันธานอันหนึ่ง มีหน้าที่เชื่อมประโยคดุจดั่งสันธานทั่วๆไป แต่เวลานำมาใช้ provided จะตามด้วย that เสมอ ส่วน providing ไม่ต้องมี that เช่น
We shall go provided that it does not rain.
พวกเราจะไปถ้าหากว่าฝนไม่ตก
Amy will go providing her friend can go together.
เอมี่จะไปถ้าหากว่าเพื่อนของเธอก็ไปด้วยกันได้
Supposing : (ถ้า, สมมติว่า) คำนี้นิยมไว้ต้นของประโยคหน้า หรือใช้กับ Clause หน้า เช่น
Supposing you with the government lottery, what do you buy?
สมมติว่าคุณถูกสลากกินแบ่งรัฐบาล คุณจะซื้ออะไรบ้าง?
Supposing it rains, shall we go?
ถ้าฝนตก เราก็จะไปหรือ?
Since : ตั้งแต่, เพราะว่า, เนื่องจากว่า มีหลักการใช้เชื่อมดังนี้
ถ้าแปลว่า “ตั้งแต่” ใช้เชื่อมระหว่างประโยค Present Perfect หรือ Present simple กับ Past Simple เช่น
He has worked hard since his father died.
เขาทำงานหนักตั้งแต่บิดาของเขาตาย
Nothing has happened since we parted.
ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตั้งแต่เราจากกันไป
It is just a week since they arrived here.
เกือบจะได้หนึ่งสัปดาห์แล้วตั้งแต่พวกเขามาถึงที่นี่
ถ้าแปลว่า “เพราะว่า, เนื่องจากว่า” ให้วางไว้หน้า Clause ของประโยคแรก เช่น
Since he doesn’t learn English, he can’t speak it.
เนื่องจาก (เพราะ) เขาไม่ได้เรียนภาษาอังกฤษ เขาจึงพูดไม่ได้
Since we have not enough money, we can’t buy this new house.
เพราะเราไม่มีเงินพอจึงไม่สามารถซื้อบ้านใหม่หลังนี้ได้
As soon as : เมื่อ (=when) แต่ใช้ความหมายฉับพลันกว่า When เช่น
I shall go back as soon as he arrives.
ผมจะกลับทันทีที่เขามาถึง
I shall go to see you as soon as you telephone me.
ผมจะไปพบคุณทันทีที่คุณโทรศัพท์ถึงผม
อนึ่ง จะวาง as soon as ไว้หน้า Clause แรกก็ได้ แต่ต้องใส่ comma เมื่อจบความของประโยคแรก
เช่น
As soon as he arrives, I will tell him.
ทันทีที่ (เมื่อ) เขามาถึง ผมจะบอกเขาให้
in case : (ในกรณีที่, เพราะ) ตามด้วยประโยค (Clause) วิธีใช้ก็เช่นเดียวกับ so that, for fear that คือจะต้องตามด้วย may, might, should, can, could ตัวใดตัวหนึ่ง เช่น
Don’t go too near the river in case you should fall in it.
อย่าเขาไปใกล้แม่น้ำนัก เพราะคุณอาจจะตกไปก็ได้
We hid behind some bushes in case passers-by mightn’t see us.
เราต้องแอบอยู่ข้างๆ กับพุ่มไม้ เพื่อให้ผู้คนที่เดินผ่านไปมามองไม่เห็น
ถ้า In case วางไว้หน้า Clause แรก ไม่ต้องตามด้วย can, could, should, may, might เช่น
In case I forget, please remind me about that.
ถ้าผมลืมกรุณาเตือนผมเกี่ยวกับเรื่องนั้นด้วย
In case she is sick, please take her to hospital.
ถ้าเธอป่วย กรุณาพาเธอไปโรงพยาบาลด้วย
ระวัง ! in case of + นาม (ไม่ใช่ประโยค) เช่น
In case of fire, please inform the fire-brigade.
ถ้าเกิดเพลิงไหม้ โปรดแจ้งให้กองดับเพลิงทราบ
Because กับ Because of : ทั้งสองคำแปลเหมือนกันคือ “เพราะ, เพราะว่า” แต่วิธีใช้ต่างกันคือ
Because เป็น Conjunction เชื่อมประโยคแสดงเหตุผลหลัง Because ต้องเป็นอนุประโยค (Clause) เสมอ เช่น
Jack did not come to school because he was ill.
แจ็คไม่ได้มาโรงเรียนเพราะเขาป่วย
We do not belive him because we know he is a liar.
เราไม่เชื่อเขา เพราะเรารู้ว่าเขาเป็นคนโกหก
Because of : เป็น Preposition วลี หลัง Because of ต้องมีกรรมมารับ จะเป็นสรรพนามหรือคำเสมอนามก็ได้ แต่หลัง Because of จะเป็นประโยคไม่ได้ เช่น
She failed because of him
หล่อนล้มเหลวเนื่องจากเขา (เป็นต้นเหตุ)
He cannot work because of his illness.
เขาไม่สามารถทำงานได้ เพราะไม่สบาย
The same……as : (เหมือนกัน, เช่นเดียวกันกับ) ระหว่าง the same กับ as ให้ใส่คำนามเข้ามา เช่น
I have the same trouble as you (have).
ผมมีข้อยุ่งยากเช่นเดียวกับคุณ (มี)
He has the same pen as she (has).
เขามีปรากกาเช่นเดียวกับที่หล่อน (มี)
อนึ่ง ถ้านามนั้นกล่าวถึงมาแล้ว หรือผู้พูดและผู้ฟังรู้กันดีอยู่แล้วว่า หมายถึงอะไรในสิ่งที่เหมือนกัน หลัง the same ก็ไม่ใส่นามเข้ามา เช่น
This book is the same as that one.
หนังสือเล่มนี้เหมือนกับเล่มนั้น
Her bicycle is not the same as mine.
จักรยานของหล่อนไม่เหมือนของผม
Either of และ Neither of : มีวิธีใช้อย่างนี้
Either of + นามพหูพจน์ = (อย่างใดอย่างหนึ่ง) ถ้าไม่เป็นประธานในประโยค กริยาต้องใช้ เอกพจน์ตลอดไปเช่น
Either of you is wrong.
เธอคนใดคนหนึ่งจะต้องผิ
I don’t want either of the apples.
ผมไม่ต้องการแอปเปิ้ลผลใดผลหนึ่ง
Neither of + นามพหูพจน์ = (ไม่ทั้งสองอย่าง ถ้าเป็นประธาน กริยาใช้เอกพจน์ เช่น
Neither of the books is of any use to me.
หนังสือทั้งสองเล่มไม่มีประโยชน์ใดๆ แก่ผมเลย
I want neither of them.
ผมไม่ต้องการทั้งสองอย่าง
No sooner……….than : (พอ…….ก็) คำนี้เป็น Conjunctive ใช้เชื่อมประโยคทั้งสองเข้าด้วยกัน ประโยคที่ no sooner…..than ไปเชื่อมมักเป็นประโยค Past Perfect กับ Past Simple เช่น
He had no sooner seen it than he started to run.
พอเห็นเขาเริ่มออกวิ่ง
She had no sooner heard the news than we wept aloud.
พอได้ฟังข่าวหล่อนก็ร้องไห้โฮออกมาเลย หรือจะวาง No sooner ไว้ต้นประโยคก็ได้เช่น
No sooner had he arrived than he was told to start back again. (เรียงประโยคแบบ Inversion)
พอมาถึงเขาก็ได้รับคำสั่งให้ออกเดินทางกลับไปอีก
Not so……….as : (ไม่เท่ากับ) คำนี้ความจริงก็คือ as……….as นั่นเอง แต่ใช้ในประโยคปฏิเสธเท่านั้น (ส่วน as…….as ในประโยคบอกเล่า) เช่น
บอกเล่า : He is as clever as you are.
เขาฉลาดเท่ากับคุณ (ฉลาด)
ปฏิเสธ : He is not so clever as you are.
เขาไม่ฉลาดเท่าคุณ
แบบฝึกหัด เรื่อง คำเชื่อมที่มักใช้ผิด (Error in Conjunctions)
Choose the best answer for each of the following sentences
1. He stepped aside…………..he might not in easily.
a. and b. so that c. but d. so……….that
2. I gave up smoking in order…………….get better
a. that b. so c. to d. as
3. Suni ran sof fast…………………I couldn’t catch her.
a. that b. as c. last d. to
4. He is………………a good student that everyone likes him.
a. too b. so c. such d. very
5. We must go on working late tonight…………..be free tomorrow
a. such as to b. so as to c. so that d. in order that
6. Billy studies hard…………….he should (may) fail
a. lest b. in order that c. because d. unless
7. ………………… they come in time, they will catch the 6. a.m. train.
a. So as to b. in order that c. As long as d. So that
8. My grandfather would have fallen………….I caught him.
a. if b. so long as c. white d. but that
9. I must clean my car every Sunday,…………..it will be rusty.
a. or else b. so that c. and b. but that
10. She has worked hard…………..her father died.
a. because of b. as if c. so that d. since
เฉลยแบบฝึกหัด
D