การเรียนภาษาอังกฤษ มีหลายสำนักใช้วิธีเรียนแตกต่างกัน ซึ่งแต่ละที่ย่อมจะโฆษณาสรรพคุณว่าที่ของตัวเองดีกว่าอยู่แล้ว
จริงๆ แล้ว การเรียนภาษาอังกฤษ ให้ได้ผลคือ การทีเราจำกฎเกณฑ์ของหลักภาษาได้อย่างแม่นยำ บวกกับความขยันหมั่นเพียรของเรา ความต่อเนื่องในการศึกษา ความต่อเนื่องในการฝึกฝนจนเกิดความชำนาญ ไม่ใช่ว่า เรียนๆหยุดๆ ฝึกๆหยุดๆ…ชาติหน้าตอนบ่ายๆก็ไม่มีทางเก่งได้…
บางคนเหนื่อยหน่ายกับงานประจำอยู่แล้ว ทำให้หมดพลังในการฝึกฝน ซึ่งอันนี้ก็พอเข้าใจได้ บางคนพอเรียนภาษาอังกฤษ ไปสักพัก กลับรู้สึกว่า ไม่อยากเรียนต่อแล้วเพราะไม่รู้จะได้เอาไปใช้ประโยชน์หรือเปล่า….
หนทางที่จะประสบผลสำเร็จในการเรียนภาษาอังกฤษอย่างแท้จริงคือ การมีเป้าหมายว่า เราจะเรียนภาษาอังกฤษ แล้วเราจะเอาไปใช้ประโยชน์หรือไม่ ..
คนที่เรียนภาษาอังกฤษ เพราะอยากเป็นล่าม เพื่อเอาไปใช้ประกอบอาชีพด้านล่ามแปลภาษา เขาเหล่านี้มีเป้าหมายชัดเจน และ มีความตั้งใจอย่างแรงกล้าว่าจะต้องเป็นล่ามแปลให้ได้…เราก็เช่นกันต้องถามตัวเองว่า เราจะเรียนภาษาอังกฤษไปเพื่อเอาไปใช้ประโยชน์อะไร….
ถาม : เมื่อประโยค Active Voice เป็นประโยคคำสั่งหรือคำห้าม (Imperative Sentence)หากเปลี่ยนเป็น Passive voice จะทำได้อย่างไร
ตอบ : ก่อนอื่นนักศึกษาต้องทราบก่อนว่า ประโยคคำสั่งหรือคำห้ามนั้นได้แก่ประโยคเช่นไร คำตอบก็คือ ได้แก่ประโยคที่ขึ้นต้นด้วยคำกริยา แต่จะไม่มีประธาน เพราะละเอาไว้ในฐานที่เข้าใจแล้ว ที่นี้เมื่อประโยคคำสั่งหรือคำห้ามนั้นเป็น Active Voice หากต้องการจะเปลี่ยนเป็น Passive Voice ให้ทำได้ดัง Structure นี้
Let + Object + be + Verb ช่อง 3
Active : Open your book. เปิดหนังสือของคุณขึ้น
Passive : Let your book be opened.
จงให้หนังสือของคุณถูกเปิดขึ้น
Active : Don’t kill the tiger. อย่าฆ่าเสือ
Passive : Let the tiger not be killed.
จงอย่าให้เสือถูกฆ่า
Active : Close the window. ปิดหน้าต่างเสีย
Passive : Let the window be closed.
จงให้หน้าต่างถูกปิดเสีย
Active : Don’t destroy the contents.
อย่าทำลายข้าวของที่มีอยู่
Passive : Let the contents not be destroyed.
จงอย่าให้ข้าวของที่มีอยู่ถูกทำลาย
Active : Do it. ทำเสีย
Passive : Let it be done. จงให้มันถูกทำเสีย