เรียนภาษาอังกฤษ เรื่อง Present Perfect Tense

Present Perfect Tense มีวิธีใช้ดังนี้

รูปประโยคคือ Subject + have, has + กริยาช่องที่ 3

เช่น

He has spoken.

I have spoken.

You have spoken.

A boy has spoken.

The boys have spoken

ถาม : กริยาช่องที่ 3 มีรูปมาจากไหนบ้าง?

ตอบ : กริยาช่องที่ 3 มีรูปมาได้ดังนี้

(1) มีรูปมาโดยการเติม ed ที่ท้ายกริยาเช่น

ช่องที่ 1
ช่องที่ 2
ช่องที่ 3
คำแปล
Open
Opened
Opened
เปิด
Walk
Walked
Walked
เดิน
Work
Worked
Worked
ทำงาน
Move
Moved
Moved
เคลื่อน
Clean
Cleaned
Cleaned
ทำความสะอาด
Stop
Stopped
Stopped
หยุด

(2) มีรูปมาโดยการผัน ซึ่งเจ้าของภาษาได้ให้ไว้แล้ว เช่น

ช่องที่ 1
ช่องที่ 2
ช่องที่ 3
คำแปล
Is,am,are
Was,were
Been
เป็น, อยู่, คือ
See
Saw
Seen
เห็น
Go
Went
Gone
ไป
Think
Thought
Thought
คิด
Speak
Spoke
Spoken
พูด
Write
Wrote
Written
เขียน
Break
Broke
Broken
ทำลาย, แตก
Sell
Sold
Sold
ขาย

ขอให้ทุกคน หา กริยา 3 ช่องมาประกอบการเรียนด้วยจะได้ไว้เปิดดู หรือท่องจำได้

ถาม : เราใช้ Present Perfect Tense เมื่อใด

ตอบ : ใช้ Present Perfect Tense กับเหตุการณ์หรือการกระทำได้ดังนี้

1)ใช้กับเหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้นแล้วในอดีต และเหตุการณ์นั้นยังคงต่อเนื่องมาถึงเวลาปัจจุบัน (คือเวลาที่พูดประโยคนี้ออกไป) การใช้ Present Perfect Tense ตามความหมายนี้มักจะมีคำ Adverb เหล่านี้คือ since (ตั้งแต่), for (เป็นเวลา), so far (จนบัดนี้, ขณะนี้), up to now (จนกระทั่งบัดนี้), up to the present time (จนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้) มาร่วมแสดงเวลาเสมอ
เช่น

Bill has lived in New York since 1975.

บิลได้อยู่นิวยอร์คมาตั้งแต่ปี 1975 (ขณะนี้เขาก็ยังอยู่ที่นั้น)

I have studied English for more than three years.

ผมได้เรียนภาษาอังกฤษมาเป็นเวลากว่า 3 ปีแล้ว (ขณะนี้ก็เรียนอยู่)

They have worked on the problem for two years so far.

เขาพยายามเอาชนะปัญหานั้นมาจนกระทั่งบัดนี้เป็นเวลา 2 ปีแล้ว (ขณะนี้ก็ยังพยายามอยู่ ยังไม่สำเร็จ)

Seree has stayed in Bangkok up to the present time.

เสรีได้มาอยู่กรุงเทพจนกระทั่งบัดนี้ (ขณะนี้ก็ยังไม่ได้ไปอยู่ที่อื่น)

หลักการใช้ since และ for

since แปลว่า “ตั้งแต่” ใช้กับเวลาอันเป็นจุดเริ่มต้นของเหตุการณ์นั้นในอดีต (point of time in the past) ซึ่งหลัง since จะได้แก่คำต่อไปนี้

…………since yesterday
………..since last week, (month, year)

………..since 1980

………..since six o’clock

…………since World War II

………..since Monday (Tuesday, etc.)

………..since January (February, etc.)

………..since the beginning of the year

หรือบางครั้งหลัง since อาจเป็นประโยค Past Simple Tense ก็ได้ = Present Perfect + Since + Past Simple เช่น

………………since he was a boy.

………………since her father died.

……………..since he left school (college, etc.)

เช่น

Jim has lived with uncle since he was a boy.

จิมได้อยู่กับลุงของเขามาตั้งแต่เขาเป็นเด็ก

She has worked to earn her living since her father died.

หล่อนทำงานหาเลี้ยงเธอเองมาตั้งแต่พ่อของเธอตาย

for แปลว่า “เป็นเวลา” ใช้กับจำนวนเวลานับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์มาจนถึงขณะพูด (period of time) หรือพูดให้ง่ายก็คือ ใช้เพื่อบอกความยาวของเวลาตั้งแต่อดีตมาถึงปัจจุบันนานได้เท่าไร กี่ชั่วโมง กี่วัน กี่เดือน กี่ปี เพราะฉะนั้นลัง for จึงมักได้แก่คำต่อไปนี้

………..for two hours

………..for six days, (months, years)

………..for years

………..for a long time

เช่น

He has waited for you for two hours.

เขาได้รอคุณเป็นเวลา 2 ชั่วโมงแล้ว (ขณะพูดก็ยังรออยู่)

we have been in this room for the past few minutes.

เราได้เข้ามาห้องนี้ เป็นเวลา 2-3 นาทีผ่านมานี่เอง

2)ใช้กับเหตุการณ์ที่ได้ทำซ้ำ ๆ เป็นหลายครั้งหลายหนในอดีต และเหตุการณ์ทีว่านี้อาจจะทำอีกต่อไปในอนาคต แต่ไม่บอกว่า ทำเมื่อไร เป็นเวลาเท่าไร มักจะมีคำ Adverb เช่น many times, several times, over and over (หลายครั้ง) มากำกับเสมอ เช่น

We have eaten in that restaurant many times.

เราได้ทานอาหารกันที่ภัตตาคารนั้นหลายครั้งแล้ว

I have used this razor blade only three times; it is still good.

ผมใช้ใบมีดโกนนี้เพียง 3 ครั้งเท่านั้น แต่ก็ยังดีอยู่

He has read this novel over and over.

เขาอ่านนิยายเรื่องนี้หลายครั้งหลายหนแล้ว

3)ใช้กับเหตุการณ์ที่เคยหรือไม่เคยทำในอดีต ซึ่งมิได้บ่งบอกเวลาที่แน่นอนเอาไว้และมักจะมีคำ Adverb หรือ ever, never, once, twice มาใช้ร่วมเสมอ เช่น

I have never seen him before.

ผมยังไม่เคยเห็นเขามาก่อน

Have you ever been abroad? No, never.

คุณเคยไปเมืองนอกหรือเปล่า? เปล่า ไม่เคย

My father has been to London twice.

บิดาของผมได้ไปลอนดอนมา 2 ครั้ง

Chuchat has been to China once.

ชูชาติได้ไปประเทศจีนมาครั้งหนึ่ง (อนาคตอาจจะไปอีกก็ได้)

4)ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำที่ได้เกิดหรือกระทำไปแล้ว แต่ผลของการกระทำนั้น ยังประทับใจผู้พูดอยู่ ใช้ Present Perfect Tense ได้ เช่น
I have turned on the light.

ผมได้เปิดไฟไว้แล้ว

(ผมจะเปิดไฟเมื่อไรไม่สำคัญ ผมต้องการจะบอกแต่เพียงว่าไฟนั้นได้เปิดไว้แล้ว ผลของการเปิดนั้นไฟก็ยังสว่างอยู่ ยังไม่ดับ โดยอาศัยแสงสว่างนี้ คุณจะทานข้าวเย็น เล่นการพนัน ก็เชิญ)

He has opened the window.

เขาได้เปิดหน้าต่างแล้ว

(เขาเปิดหน้าต่างเมื่อไรไม่สำคัญ ข้อสำคัญอยู่ตรงที่ว่า ผลแหงการกระทำนั้นเวลานี้หน้าต่างก็ยังไม่ได้ปิด ยังคงเปิดอยู่)

The train has arrived at the station.

รถไฟมาถึงสถานี้แล้ว

(รถไฟมาถึงสถานีเมื่อไร ไม่สำคัญ แต่ผลของการมาถึงนั้นรถไฟก็ยังจอดอยู่ ไม่ได้วิ่งไปไหนอีก)

5) ใช้กับเหตุการณ์ทีเพิ่งจะเสร็จสิ้นจบลงไปใหม่ๆ โดยเวลาไม่นาน ในการนี้จะมี Adverb ต่อไปนี้มาร่วมเสมอได้แก่ already (เรียบร้อยแล้ว) just (พึ่งจะ) yet (ยัง) finally (ในทีสุด) eventually (ในที่สุด) recently (เมื่อเร็วๆนี้) เช่น

The principal has just gone out.

ครูใหญ่เพิ่งจะออกไปข้างนอก

(หมายความว่า มีใครสักคนมาถามว่า ครูใหญ่อยู่ไหม? บังเอิญผู้ที่มาถาม มาคลาดหลังกันที่ครูใหญ่ออกไปไม่นาน ผู้ตอบก็เลยต้องตอบไปว่า “พึ่งจะออกไปข้างนอก”)

I have already closed the window.

ผมปิดหน้าต่างเรียบร้อยแล้ว

(หมายความว่า ผมปิดหนาต่างไว้แล้ว ไม่นานก็เดินลงมาข้างล่าง พอมีคนถามผมว่า “ปิดหน้าต่างหรือยัง?” ผมก็รีบตอบไปว่า “ผมได้ปิดหน้าต่างเรียบร้อยแล้ว” ก็เดินลงมา)

He hasn’t gone out yet.

เขายังไม่ได้ออกไปเลย

(หมายความว่า ถ้ามีใครโทรมาถามว่า คนนั้นคนนี้ออกไปข้างนอกหรือยัง และความเป็นจริงคนนั้นก็ยังไม่ได้ออกไป เราก็ควรตอบไปว่า “เขายังไม่ได้ออกไป =(he hasn’t gone out yet)

การใช้ yet, just, already

yet : ใช้ในประโยคปฏิเสธ และนิยมวางไว้ท้ายประโยค

He has not died yet. จนบัดนี้เขาก็ยังไม่ตาย

Just, already : ใช้ในประโยคบอกเล่า และจะวางไว้หน้ากริยาหลัก (principal verb) เสมอ เช่น

He has just finished his work.

เขาพึ่งทำงานเสร็จ

I have already read this book.

ผมได้อ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว

หมายเหตุ : จะใช้ already และ yet ในประโยคคำถามก็ได้ แต่ความหมายต่างกันเล็กน้อยคือ

– ใช้ already เมื่อผู้ถามหวังจะได้ “คำตอบรับ” (yes)”

– ใช้ yet เมื่อผู้ถามหวังจะได้ “คำตอบปฏิเสธ (No)”

(แต่ผู้ตอบจะตอบตามความเป็นจริงก็ได้ ไม่ต้องคำนึงถึงคำถาม)