1. Colon (:)
เครื่องหมาย colon มีวิธีใช้ดังต่อไปนี้
1) ใช้ colon แยกชั่วโมงกับนาทีในการบอกเวลาแบบอเมริกัน เช่น
7:30 a.m.
9:46 a.m.
11:15 a.m.
2:25 p.m.
3:15 p.m.
4:10 p.m.
แต่ในอังกฤษใช้จุด (.) แทน เช่น
7.30 a.m.
5.15 p.m.
2) ใช้ colon ตามหลังคำขึ้นต้นในจดหมายธุรกิจแบบอเมริกัน (แบบอังกฤษนิยมใช้ comma) เช่น
อเมริกัน :
Dear Sir : อังกฤษใช้ Dear Sir,
Dear Gentleman : อังกฤษใช้ Dear Gentleman,
Dear Mr. David : อังกฤษใช้ Dear Mr. David,
3) ใช้ colon ก่อนแจ้งรายการ และมักจะอยู่หลังคำ as follows, the following, these เช่น
The following words are adverbs : well, fast, very and slowly.
คำต่อไปนี้เป็น Adverb ได้แก่ well, fast, very และ slowly
The things he needs are as follows : a hammer and some nails, a pencil and paper, a ruler and a rubber.
สิ่งที่เขาต้องการมีดังนี้คือ ค้อนกับตะปู ดินสอดำกับกระดาษ และไม้บรรทัดกับยางลบ
The things I will take are these : money and a passport, a suitcase and clothes, soap and a toothbrush.
สิ่งที่ผมจะนำไปก็คือ เงินและหนังสือเดินทาง กระเป๋ากับเสื้อผ้า และสบู่กับแปรงสีฟัน
4) ใช้ colon คั่นระหว่างประโยคเลขนอกกับประโยคในเครื่องหมายคำพูด ในกรณีที่ประโยคในเครื่องหมายคำพูดนี้มีหลายประโยค หรือเป็นประโยคเดียวแต่ยาวมาก เช่น
He said : “I cannot tell you what to do now. I am very confused at all. Can you come and see me again tomorrow? I think we had better consult the manager about this matter.”
เขาพูดว่า ผมไม่สามารถบอกให้คุณทำอะไรเดี๋ยวนี้ ผมงงไปหมดแล้ว พรุ่งนี้คุณมาพบผมใหม่ได้ไหม ผมคิดว่าเราควรปรึกษาผู้จัดการดูก่อนเกี่ยวกับเรื่องนี้
She said : “My mother has gone to be the United States of America to see her close friend, but I know she’ll be back here next week.”
หล่อนพูดว่า คุณแม่ของดิฉันไปสหรัฐอเมริกาเพื่อเยี่ยมเพื่อนที่สนิทของท่าน แต่ดิฉันก็รู้ท่านจะกลับมาที่นี่สัปดาห์หน้า
2. Semicolon (;)
เครื่องหมายนี้ (;) มีวิธีใช้ดังต่อไปนี้
1) ใช้เชื่อมข้อความ 2 ประโยคได้ ในกรณีที่ผู้เขียนเห็นว่า ความ 2 ประโยคนั้นเกี่ยวพันกัน (ตามนัยนี้อาจใช้จุด (.) full stop แทนก็ได้) เช่น
The singular form is mouse ; the plural form is mice.
รูปเองกพจน์คือ mouse รูปพหูพจน์คือ mice
(= The singular form is mouse. The plural form is mice.)
Prices rose ; wages fell.
ข้าวของแพง ค่าแรงถูก
( = Prices rose. Wages fell.)
2) ใช้แทน comma เมื่อผู้เขียนต้องการแยกแต่ละสิ่งแต่ละอย่างออกจากกัน ในกรณีที่แต่ละสิ่งนั้นมี comma อยู่ก่อนแล้ว เช่น
Our new committee is composed of William J.Smith, President ; John F. Steven, Vice-President ; Clerk M.Smith, General Secretary ;………..
คณะกรรมการชุดใหม่ของเราประกอบไปด้วย วิลเลี่ยม เจ สมิธ ประธาน, จอห์น เอ็ฟ สตีเวน รองประธานล เคลิร์ก เอ็ม สมิธ เลขานุการ…..
the totals are 25,000 ; 55,250 and 235,150.
จำนวนรวมคือ 25,000 55,250 235,150
3) ใช้ semicolon ข้างหน้า conjunctive adverb (คือ Adverb ที่ทำหน้าที่เชื่อม main clause) เพื่อแยกประโยคอิสระใน compound sentence (conjunctive adverb ได้แก่คำในทำนองต่อไปนี้)
however therefore moreover besides consequently accordingly furthermore nevertheless otherwise เช่น
He is rather in bad health ; however, he is able to work.
เขามีสุขภาพไม่ค่อยจะดีเท่าไร อย่างไรก็ตามเขาก็ยังพอทำงานได้
The pianist was very ill ; therefore, the concert was cancelled.
คนเล่นเปียโนไม่สบายมาก ดังนั้นการแสดงดนตรีจึงต้องงด
4. Hyphen (-)
เครื่องหมาย Hyphen (ขีดสั้น) “-“ มีวิธีใช้ดังนี้1
1) ใช้ hyphen เพื่อเชื่อมคำสองคำให้เป็นคำเดียวกัน (Compound word) เช่น
School-boy นักเรียนชาย
School-girl นักเรียนหญิง
Swimming-pool สระว่ายน้ำ
bathing-place ที่อาบน้ำ
2) ใช้ hyphen เพื่อแยกพยางค์ของคำที่เขียนหรือพิมพ์ไม่พอบรรทัด เช่น
Thantip Pongsuk is the most beauti-
ful lady in Thailand in 1985.
ธารทิพย์ พงษ์สุข เป็นสตรีที่สวยที่สุดในประเทศไทยของปี 1985
3) ใช้ hyphen เพื่อเชื่อมคำผสมที่เกิดจากการเติม prefix (ปัจจัย) บางตัวเข้าข้างหน้า เช่น
control-> self-control ควบคุมตัวเอง
communism-> anti-communism ต่อต้านคอมมิวนิสต์
education-> co-education สหศึกษา
wife-> ex-wife ภรรยาคนเก่า
5. Dash (—)
เครื่องหมาย dash “—“ (ขีดยาวเป็น 2 เท่าของ hyphen) มีวิธีใช้ดังต่อไปนี้คือ
1) ใช้ dash เพื่อเน้นข้อความที่แทรกเข้ามา เป็นเชิงอธิบายเพิ่มเติม หรือชี้นำให้ เช่น
Come on, I have something to tell you—not to marry this woman.
มานี่ ผมจะบอกอะไรให้คุณ—อย่าแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้เลย
2) ใช้ dash หน้าข้อความในทำนองที่บอกเป็นข้อ ๆ หรือเป็นรายการ เช่น
Wherever we live, we have to try to avoid these factors ; namely —
1. the bad weather
2. the rise in price
3. a shortage of labour
ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหนก็ตาม เราจะพยายามหลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านี้ (เสมอ) คือ
1. ดินฟ้าอากาศที่ไม่ดี
2. การขึ้นราคาของสินค้า
3. การขาดแคลนแรงงาน