5. been ใช้หมายถึง “ไปและกลับมาแล้ว” เช่น
I have been to Hong Kong twice this year.
ผมไปฮ่องกงมาแล้ว 2 ครั้งปีนี้
We have been for a walk.
เราไปเดินเล่นกลับมาแล้ว
gone ใช้หมายถึง “อยู่ระหว่างการเดินทางไป หรือไปถึงแล้วแต่ยังไม่กลับมา” เช่น
My father has gone to Italy. He is now in Italy.
คุณพ่อของผมไปอิตาลี ขณะนี้ท่านก็อยู่ในอิตาลี
Alice has gone for a walk.
อลิซไปเดินเล่น (ขณะนี้ก็ยังไม่กลับมาจากการเดินเล่น)
6. Cost (มีราคา) เป็นกริยา เมื่อนำมาใช้มี 2 รูปแบบคือ
A : Subject + cost + จำนวนเงิน เช่น
This book costs one hundred baht.
หนังสือนี้ราคาหนึ่งร้อยบาท
B : Subject + cost + บุคคล + จำนวนเงิน เช่น
This house costs me twenty thousand baht.
บ้านหลังนี้ผมซื้อราคา 20,000 บาท
Price (ราคา) หมายถึงราคาขาย หรือ ราคาที่บอกขายเป็นคำนาม เช่น
He sold his car at a good price.
เขาขายรถยนต์ของเขาไปได้ราคาดี
The price of this book is very high.
ราคาของหนังสือเล่มนี้สูงมาก
7. air (อากาศ) หมายถึงอากาศที่อยู่รอบๆตัวเรา นอกจากนี้ยังรวมถึงก๊าชชนิดต่างๆ เช่น ออกซิเจน, ไนโตรเจน อีกด้วย และ air (อากาศ) คำนี้ยังหมายถึงอากาศที่หุ้มห่อโลก หากอากาศคำนี้เคลื่อนไหว เราเรียกว่า ลม (wind) เช่น
We need fresh air every day.
เราต้องการอากาศบริสุทธิ์ทุกๆวัน
Climate (อากาศ) ใช้หมายถึง ภูมิอากาศของท้องถิ่นใดท้องถิ่นหนึ่ง ซึ่งสภาพอากาศดังกล่าวนี้จะบอกถึงลักษณะให้ทราบว่าจะมีฝน ร้อนหรือหนาวได้ เช่น
it is always a warm climate in Bangkok.
อากาศอบอุ่นเสมอในกรุงเทพ (ไม่ค่อยหนาวเหมือนต่างจังหวัด)
Weather (อากาศ) หมายถึงลักษณะของอากาศในชั่วระยะเวลาอันสั้นอาจจะเป็นเฉพาะวัน หรือเฉพาะเดือนเท่านั้น แต่ไม่ถาวรตลอดไป เช่น วันนี้อากาศร้อน พรุ่งนี้อาจเย็นก็ได้ เช่น
How about the weather in Paris?
อากาศที่กรุงปารีสเป็นอย่างไรบ้าง?
It is rather cold. ค่อนข้างหนาวครับ