The Used of Confused Words part 7 (ตอนจบ)

23 Study (v.) แปลว่า “เรียน” หมายถึงเรียนหนังสือ จะรู้เรื่องหรือไม่รู้เรื่องก็ได้ หรือจะจบหรือไม่จบก็แล้วแต่ เอาเป็นว่าขอให้ได้ study ก็เป็นการพอแล้ว เช่น

He studied in Ramkhamhaeng University five years age.

เขาเรียนหนังสือที่มหาวิทยาลัยรามคำแหงเมื่อ 5 ปีล่วงมาแล้ว

Learn (v.) แปลว่า “เรียนไ คำนี้หมายถึงเรียนรู้ (กินความลึกซึ่งกว่า study) คือเรียนรู้ว่า คำนี้เป็นอะไร? เป็นกริยาหรือนาม ถ้าเป็นกริยามีกรรมหรือไม่ เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ชัดว่า learn จะใช้ในความหมายว่าเรียนหนังสือแบบธรรมดาไม่ได้ เช่น

I have learnt English for two years.

ผมได้เรียนรู้ภาษาอังกฤษมาแล้วเป็นเวลา 2 ปี

He learnt the meaning of the Buddha’s words.

เขารู้ความหมายของพุทธพจน์ (ได้ดี)

(be) educated (v.) แปลว่า “เรียน” ความหมายที่แท้จริงของคำนี้ก็คือได้รับการศึกษานั่นเอง กินความหมายกว้างกว่าการเรียนแบบธรรมดาสามัญ เช่น

She was educated in the United States.

หล่อนได้รับการศึกษาในสหรัฐ

24 Profession (n.) แปลว่า “อาชีพ” หมายถึงการงานที่ทำเพื่อหาเลี้ยงชีพ แต่เป็นงานที่ต้องใช้ความรู้ใช้มันสมองทำ เช่น

My profession is curing; yours is teaching.

อาชีพของผมคือการรักษาพยาบาล ของคุณคือการสอนหนังสือ

Occupation (n.) แปลว่า “อาชีพ” หมายถึงการงานที่ทำเพื่อหาเลี้ยงชีพด้วยแรงงาน เพื่อแลกกับเงินค่าจ้าง, อาจเป็นรายวัน, รายเดือน, ก็ได้ เช่น

His occupation is driving a taxi in Bangkok.

อาชีพของเขาคือการขับแท็กซี่อยู่ในกรุงเทพ

Vocation (n.) แปลว่า “อาชีพ” คำนี้ดูออกจะใช้เหมือนกับ Occupation คือมุ่งถึงอาชีพที่ทำโดยใช้แรงงานเสียเป็นส่วนใหญ่ เช่น

Her vocation is watering the flowers in the garden.

อาชีพของหล่อนคือการรดน้ำดอกไม้ในสวน

Career (n.) แปลว่า “อาชีพ” คำนี้หมายถึงอาชีพหรืองานที่ทำเพื่อเลี้ยงชีพทั่วๆไป และต้องทำไปนานๆ อีกด้วย ซึ่งเป็นงานอาจใช้ทั้งสมองและแรงกายไปพร้อมๆกัน มีความรับผิดชอบสูง เช่น

Prasert is unable to make a career of selling motor-cars, because he is too young.

ประเสริฐไม่สามารถประกอบอาชีพทางการขายรถยนต์ได้ เพราะยังเป็นเด็กเกินไป

25. Eat (v.) แปลว่า “กิน, รับประทาน” หมายถึง กินอาหาร กินข้าวต้ม ขนมหวานทั่วๆไป ตลอดถึงกินผลหมากรากไม้ ใช้ในความหมายกว้างมาก เช่น

They ate the bananas in the basket.

พวกเขาทานกล้วยในตะกร้านี้

Have (v.) แปลว่า “รับประทาน, กิน” ใช้กับคำนามที่เป็นชื่อมื้ออาหารตามช่วงเวลา ได้แก่ Breakfast, lunch, supper, และ dinner เช่น

We have our dinner at six in the evening.

เราทานอาหารเย็นของเราเวลา 6 โมงในตอนเย็น

Take (v.) แปลว่า “กิน, รับประทาน” ความหมายของคำนี้ใช้เฉพาะที่กินยาเพื่อให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บเท่านั้น เช่น

He had some medicine according to the doctor’s advice.

เขาทานยาตามคำแนะนำของหมอ

26. Same (adj.) แปลว่า “เหมือนกัน” หมายถึงของที่เป็นประเภทเดียวกัน ชนิดเดียวกัน (แต่มิได้เน้นถึงลักษณะการเปรียบเทียบ) เช่น

We wear the same hats every day.

เราสวมหมวกอย่างเดียวกันทุกวัน

Similar (adj.) แปลว่า “เหมือนกัน” ความหมายของการใช้ก็คล้ายๆกับ Same แต่ก็ไม่เชิงเหมือนกันเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์เท่าไรนัก แต่ similar คำนี้ ต้องใช้ควบคู่กับ to เสมอ เช่น

Your shoes look similar to mine.

รองเท้าของคุณดูคล้ายๆ เหมือนของผม

Identical (adj.) แปลว่า “เหมือนกัน” คำนี้ใช้ในความหมายของการเปรียบเทียบว่าของสองอย่างมีลักษณะเหมือนกันชนิดที่เรียกได้ว่าเป็นพิมพ์เดียวกันเลย เช่น

The twins are identical.

ลูกฝาแฝดคู่นี้มีรูปพรรณเหมือนกันจริงๆ

27. Wages (n.) แปลว่า “เงินค่าจ้าง” (ปกติจะใช้เป็นรูปพหูพจน์เสมอ) หมายถึง ค่าจ้างที่จ่ายให้คนงานเป็นรายวันรายสัปดาห์ หรือรายเดือน เช่น

My wages are two hundred baht a week.

ค่าจ้างของผมได้ 200 บาทต่อสัปดาห์

Salary (n.) แปลว่า “ค่าจ้าง, เงินเดือน” หมายถึงเงินที่จ่ายให้กับผู้ทำงานเป็นรายเดือน เช่น จ่ายให้ครู ตำรวจ ทหาร เป็นต้น รวมทั้งพนักงานของรัฐวิสาหกิจด้วย เช่น

His salary is only 3,000 baht a month.

เงินเดือนของเขาเพียง 3,000 บาทเท่านั้นต่อเดือน

Fee (n.) แปลว่า “ค่าธรรมเนียม, ค่าจ้าง” หมายถึงเงินที่จะต้องจ่ายเพื่อการเป็นสมาชิก, ค่าเล่าเรียน, ค่าทนาย, ค่าตรวจโรค, หรือค่ารถ, ค่าบำรุงห้องสมุด เช่น

The fee for my education is 1,000 baht.

ค่าบำรุงการศึกษาของผม 1,000 พันบาท

28. All (adj.) แปลว่า “ทั้งหมด” หมายถึงของทุกอย่าง ทุกอัน หรือทุกชิ้นที่เอารวมกัน เช่น

He put his all things in his house.

เขาเก็บสิ่งของทั้งหมดของเขาไว้ในบ้าน

Entire (adj.) แปลว่า “ทั้งหมด” หมายถึงของสิ่งหนึ่งทั้งหมดต้องเป็นอันเดียวกัน หรืออย่างเดียวกัน (จะต่างสิ่งต่างชนิดไม่ได้) เช่น

The entire car was covered with dust.

ทั่วทั้งคันรถปกคลุมไปด้วยฝุ่น

Whole (adj.) แปลว่า “ทั้งหมด” คำนี้มีลักษณะการใช้เหมือน entire คือต้องเป็นทั้งหมดของๆสิ่งเดียวอันเดียว เช่น

I ate the whole mangoes.

ผมได้ทานมะม่วงทั้งหมด (ไม่เหลือไว้เลย)

Total (adj.) แปลว่า “ทั้งหมด” คำนี้หมายถึงทั้งหมดของผลรวม อันเนื่องมาจากการคูณบ้าง การบวกบ้าง การเพิ่มบ้าง เช่น

The total expenditures for the party last night reached 30,000 baht.

รายจ่ายทั้งหมดสำหรับการเลี้ยงคืนที่ผ่านมาถึงสามหมื่นบาท

29. Take (v.) แปลว่า “เอาไป, พาไป” หมายถึงเอาไปจากตัวผู้พูด หรือพาไปสู่ ณ ที่ใดที่หนึ่ง เช่น

Please take this book away.

กรุณาเอาหนังสือเล่มนี้ไปด้วย

I want to take him home after the work.

ผมต้องการไปส่งเขาที่บ้านหลังจากทำงานแล้ว

Bring (v.) แปลว่า “นำมาให้, เอามาให้” หมายถึงนำเอาสิ่งใดสิ่งหนึ่งมาให้ผู้พูด เช่น

Can you bring me a loaf of soap?

คุณเอาสบู่มาให้ผมสักก้อนได้ไหม?

Fetch (v.) แปลว่า “ไปเอามาให้, ไปรับมาให้” หมายถึงไปพบแล้วเอามาให้ หรือนำมาให้ เช่น

Please fetch me the knife in the kitchen.

กรุณาไปเอามีดในครัวมาให้ผมหน่อย

30. Thief (n.) แปลว่า “ขโมย” หมายถึงคนที่ลักขโมยสิ่งของผู้อื่นไปอย่างลับๆ โดยไม่มีใครรู้ ตามปกติ

The thief broke into my house and stole my ring.

ขโมยบุกเข้าไปในบ้านของผมแล้วก็ลักเอาแขวนของผมไป

Burglar (n.) แปลว่า “ขโมย” มีความหมายเช่นเดียวกับ Thief แต่กระทำการในเวลากลางคืน เช่น

The burglar stole her diamond ring last night.

ขโมยได้ลักเอาแหวนเพชรของหล่อนไปเมื่อคืนนี้

Robber (n.) แปลว่า “โจร, ขโมย” หมายถึงบุคคลผู้แย่งชิงทรัพย์สิ่งของหรือสมบัติของเราไปเฉพาะหน้าโดยจะใช้กำลังเข้าทำร้ายร่างกายเสียก่อน เช่น

The robber knocked that man down and robbed him of money.

โจรตีชายคนนั้นล้มลงแล้วก็ปล้นเอาเงินไป

31. Die (v.) แปลว่า “ตาย” เป็นคำที่มีความหมายกว้างมากใช้ได้ทั้งกับคนและสัตว์, พืชพันธุ์ที่ตาย เช่น

His grandmother died three years ago.

ย่าของเขาตายเมื่อ 3 ปีล่วงมาแล้ว

Every year a large number of hens die of pest.

ทุกๆปีไก่จำนวนมากตายด้วยโรคห่า (ระบาด)

The tree in my garden is dying.

ต้นไม้ในสวนของผมกำลังจะตาย

Dead (adj.) แปลว่า “ตาย” มีความหมายเหมือนกับ die เพียงแต่คำว่า dead เป็นคุณศัพท์ ต้องใช้กับ Verb to be หรือประกอบนามเท่านั้น เช่น

My friend’s uncle was dead a long time ago.

ลุงของเพื่อนผมตายไปนานแล้ว

Deceased (adj., n.) แปลว่า “ตาย” คำนี้นิยมใช้ในภาษาหนังสือเสียมากกว่า เป็นศัพท์ค่อนข้างสูง ส่วนมากมักใช้กับคนที่เพิ่งตาย หรือตายจากไปไม่นาน จะใช้อย่างนามก็ได้ อย่างคุณศัพท์ก็ได้ กรณีใช้อย่างนามนิยมใช้ The นำหน้าเสมอ เช่น

(n.) The deceased for defence of the country should be praised.

ผู้สละชีวิตเพื่อป้องกันประเทศนั้นควรได้รับการยกย่องสรรเสริญ

(adj.) I saw a deceased man lying under the tree.

ผมเห็นคนตายนอนอยู่ใต้ต้นไม้