1. ถ้าจะบอกเวลาเต็มๆ ชั่วโมง ให้ใช้คำว่า “O’Clock” ตามหลังเวลาที่จะบอกเสมอ เช่น
It’s six o’clock.
อิทส ซิคซ โอ คล็อค
เวลาหกโมงเช้า/เย็น
2. การบอกเวลาที่มีเศษนาทีในกรณีที่ไม่เกิน 30 นาที ให้ใช้ “past” นำหน้าชั่วโมงในขณะนั้น โดยมีโครงสร้างการเรียงประโยคดังนี้
เศษนาทีที่ไม่ถึง 30 นาที + past + ชั่วโมงขณะนั้น
เชน
It’s twenty-five past time.
อิทส ทเว็นตี้ ไฟว์ พาสท์ ไนน์
ผ่าน 9 นาฬิกามา 25 นาที (เวลา 9.25 นาฬิกา)
It’s nineteen past eight.
อิทส ไนน์ทีน พาสท์ เอธ
ผ่าน 8 นาฬิกามา 19 นาที (เวลา 8.19 นาฬิกา)
3. การบอกเวลาที่มีเศษนาทีในกรณีที่เกิน 30 นาที ให้ใช้ “to”
นำหน้าเวลาที่จะถึง โดยมีโครงสร้างการเรียงประโยค ดังนี้
เศษนาทีที่เกิน 30 นาที + to + ชั่วโมงที่จะถึง
เช่น
it’s twenty to eleven.
อิทส ทเว็นตี้ ทู อีเลฟเว่น
อีก 20 นาทีจะ 11 นาฬิกา (เวลา 10.40 นาฬิกา)
It’s five to twelve.
อิทส ไฟว์ ทู เทวลฟ์
อีก 5 นาที จะ 12 นาฬิกา (เวลา 11.55 นาฬิกา)
4. การบอกเวลาที่เศษนาทีเท่าเดิม 15 นาที มีโครงสร้างการเรียงประโยค ดังนี้
a quarter past + ชั่วโมงในขณะนั้น
เช่น
It’s a quarter past three.
อิทส อะ ควอเตอร์ พาส ธรี
ผ่าน 3 นาฬิกามา 15 นาที (เวลา 3.15 นาฬิกา)
แต่ถ้าเศษนาทีเท่ากับ 45 นาที มีโครงสร้างการเรียงประโยค ดังนี้
a quarter to + ชั่วโมงที่จะถึง
เช่น
It’s a quarter to six.
อิทส อะ ควอเตอร์ ทู ซิคซ
อีก 15 นาทีจะ 6 นาฬิกา (เวลา 5.45 นาฬิกา)
5. การบอกเวลาที่เศษนาทีเท่ากับ 30 นาที ให้ใช้ “half past” มีโครงสร้างการเรียงประโยค ดังนี้
half past + ชั่วโมงในขณะนั้น
เช่น
It’s half past seven.
อิทส ฮาล์ฟ พาสท เซเว่น
ผ่าน 7 นาฬิกามา 30 นาที (เวลา 7.30 นาฬิกา)
6. การบอกเวลาตามตัวเลขบนหน้าปัดนาฬิกา เช่น
It’s two fifteen.
อิทส ทู ฟิฟทีน
เวลา 2.15 นาฬิกา
It’s three twenty-five.
อิทส ธรี ทเว็นตี้ ไฟว์
เวลา 3.25 นาฬิกา
เราอาจใช้ a.m. และ p.m. ในการบอกเวลาได้ด้วย โดยมีกฏเกณฑ์ ดังนี้
a.m. ย่อมาจาก ante meridium
ใช้ในการบอกเวลาตั้งแต่เที่ยงคืนถึงเที่ยงวัน
p.m. ย่อมาจาก post meridium
ใช้ในการบอกเวลาตั้งแต่เที่ยงวันถึงเที่ยงคืน
ตัวอย่าง เช่น
9 โมงเช้า ใช้ว่า 9.00 a.m.
3 ทุ่ม ใช้ว่า 9.00 p.m.
6 โมง 20 นาที ตอนเช้า ใช้ว่า 6.20 a.m.
6 โมง 20 นาที ตอนเย็น ใช้ว่า 6.20 p.m.
7 โมง 30 นาที ตอนเช้า ใช้ว่า 7.30 a.m.
1 ทุ่มครึ่ง ใช้ว่า 7.30 p.m.