เรียนภาษาอังกฤษเรื่อง The Use of Genitive (‘s, of) ตอนที่ 1

ถาม : The use of Genitive คืออะไร แบ่งออกเป็นกี่ชนิด อะไรบ้าง และแต่ละชนิดใช้ต่างกันอย่างไร ขอให้จาระไนมา

ตอบ : The use of Genitive คือ “การใช้คำหรือเครื่องหมายเพื่อไปแสดงความเป็นเจ้าของ (สัมพันธการก) ให้กับนามตัวอื่น” แบ่งออกเป็น 2 ชนิดคือ

1. Apostrophe ได้แก่เครื่องหมาย “’s” or “ ‘ “

2. คำ Preposition (บุรพบท) “of”

ซึ่งแต่ละตัวมีรายละเอียดของการใช้ดังนี้

การใช้ Apostrophe (‘s, ‘)

Apostrophe ได้แก่ เครื่องหมาย “ ‘s” หรือ “ ‘ “ นั้น มีหลักเกณฑ์การใช้ดังต่อไปนี้ :

1)เติม ‘s หลังคำนามเอกพนจน์ทั่วไป เช่น
The lady’s handbag is expensive.
กระเป๋าถือของผู้หญิงมีราคาแพง
Do you see my uncle’s house at the corner?
คุณเห็นบ้านของลุงฉันตรงมุมนั้นไหม?
The woman’s dress is generally very dear.
โดยทั่วไปแล้วชุดแต่งตัวของผู้หญิงราคาจะแพงมาก

2)เติม ‘s หลังคำนามพหูพจน์ที่มิได้ลงท้ายด้วย s เช่น
The children’s toys were bought from Japan.
ของเล่นของเด็กๆ ซื้อมาจากประเทศญี่ปุ่น
The woman’s hats are beautiful.
หมวกของผู้หญิงสวย

3)นามที่เป็นชื่อเฉพาะ และนามสกุลที่ลงท้ายด้วย s นิยมเติมแต่ ‘ เท่านั้น แต่ถ้าจะเติม ‘s ก็ไม่ถือว่าผิด เช่น
I wants to see you at St.James’ Square (St.James’s Square.)
ผมต้องการพบคุณที่เซ็นต์เจมส์สแควร์
Everyone likes Venus’ beauty (Venus’s beauty).
ใครๆ ก็ชอบความสวยของวีนัสทั้งนั้น

Dicken’s novels (Dickens’s novels) are very popular in the world.
นวนิยายของดิกเก้นส์เป็นที่นิยมกันมากในโลก
I will do this for Moris’ sake (Moris’s sake).
ผมจะทำสิ่งนี้ให้ก็เพื่อเห็นแก่มอริส

หมายเหตุ : ถ้านามนั้นเป็นชื่อในภาษากรีก ซึ่งมีมากกว่าหนึ่งพยางค์ ให้เติมเฉพาะ ‘ เท่านั้น เช่น :
Socrates’ philosophy ปรัชญาของโซเคตีส

Archimedes’ Law กฎของอาร์คีมิดีส
Euripides’ plays บทละครของยูริพิดิส

4)เติมเฉพาะ ‘ หลังนามพหูพจน์ที่ลงท้ายด้วย s เช่น
Do you wish to see the pincesses’ crowns?
คุณอยากเห็นมงกุฎของเจ้าหญิงไหม ?
The pupils parents have never come to the school.
พ่อแม่ของเด็กนักเรียนเหล่านี้ไม่เคยมา (เยี่ยม) โรงเรียน

5) กรณีคำนามซึ่งมีนามอื่นมาซ้อน (Apposition) ต้องการแสดงความเป็นเจ้าของให้เติม ‘s ที่นามซึ่งเป็นคำซ้อนนั้น เช่น
This is Mr.Daeng, the carpenter’s wife.

นี่คือภรรยาของนายแดงช่างไม้

That is Boontham, the painter’s car.

นั่นคือรถของบุญธรรมช่างทาสี

หมายเหตุ : เมื่อนามซึ่งมีนามซ้อนไปประกอบเป็นส่วนสมบูรณ์ของกริยา (จะอยู่หลัง Verb to be ตลอดไป) ให้เติม ‘s เฉพาะนามที่เป็นตัวยืน (head noun) เท่านั้น เช่น

That house is Mr.Smith’s, the carpenter.

บ้านหนังนั้นเป็นของนายสมิธช่างไม้

This car is Mr. Jackson’s, the chemist

รถคันนี้เป็นของนายสมิธช่างไม้

(Mr. Smith, Mr. Jackson เป็นนามยืนหรือนามหลัก the carpenter, the chemist เป็นนามซ้อน)

6)ถ้าคำนั้นเป็นนามผสม (Compound Noun) ให้เติม ‘s ที่คำสุดท้ายของนามผสมตัวนั้นตลอดไป เช่น
the king of Spain’s daughter พระธิดาของกษัตริย์แห่งสเปน

the Government of India’s order คำสั่งของรัฐบาลอินเดีย

the boy from Chiengmai’s marks คะแนนจากเด็กชายจากเชียงใหม่

เช่น : The King of Spain’s daughter is coming to Thailand soon.

พระธิดาของกษัตริย์แห่งสเปนจะเสด็จเยือนไทยเร็วๆนี้

The boy from Chiengmai’s marks are highest.

คะแนน (สอบไล่) ของเด็กที่มาจากเชียงใหม่สูงมากที่สุด

7)ถ้าคน 2 คนร่วมกันเป็นเจ้าของ ของสิ่งเดียวกัน ให้เติม ‘s ที่นามตัวหลังเพียงคำเดียวเท่านั้น (อย่าได้เติมทั้ง 2 ตัว) เช่น

This is Peter and Mary’s house.

นี่คือบ้านของปีเตอร์และแมรี่

Thailand and England’s friendship lasts long.

มิตรภาพระหว่างไทยและอังกฤษยาวนานแท้

Sak and Ladda’s teacher is going to get married soon.

ครูของศักดิ์และลัดดาจะแต่งงานเร็วๆนี้

หมายเหตุ : แต่ถ้าคน 2 คนต่างก็เป็นเจ้าของแต่ละสิ่ง แต่ละอย่างให้เติม ‘s หลังนามทุกตัว เช่น
John’s and Peter’s resthouses are on the same street.

บ้านพักของจอห์นและปีเตอร์อยู่ที่ถนนเดียวกัน

Prasert’s and Prasan’s sons are soldiers.

บุตรชายของประเสริฐและประสานเป็นทหาร